Top

ทัวร์อังกฤษ ลิเวอร์พูล แมนยู

ชื่อทัวร์ : ทัวร์อังกฤษ ลิเวอร์พูล แมนยู
สายการบิน : Qatar
ระยะเวลา : 8 วัน 5 คืน
ราคาเริ่มต้น : 59,999 บาท
วันที่เดินทาง

09 - 16 เมษายน  2563

(13 14 15 เม.ย. วังสงกรานต์)

รายละเอียดทัวร์

ทัวร์อังกฤษ เที่ยวอังกฤษ อังกฤษราคาถูก โปรแกรมทัวร์อังกฤษ

อังกฤษ สกอตแลนด์ ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์
ตามรอยดินแดนแห่งแรงบันดาลใจ กำเนิดนวนิยายชื่อดังก้องโลก "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ชมหมู่บ้านไบบูลรี่ ที่สวยที่สุดในประเทษอังกฤษ และ เมืองแห่งสายน้ำเบอร์ตัน ออน เดอะ วอเตอร์

 

วันที่หนึ่ง            ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย - ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์              (-/-/-)

17.00 น.           ขอเชิญทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าหมายเลข 8 เคาน์เตอร์ Q สายการบิน Qatar Airways โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกตลอดขั้นตอนการเช็คอิน และ หัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

20.40 น.           นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR833    

** ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

23.50 น.           เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ ** เพื่อเปลี่ยนเครื่อง **

 

วันที่สอง             ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ - ท่าอากาศยานนานาชาติเอดินบะระ เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ - เมืองเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ - ถนนรอยัลไมล์ - พระตำหนักโฮลี่รู๊ด - โบสถ์เซนต์ ไจลส์ - อนุสาวรีย์ของ พระเจ้าชาร์ลที่ 2 - อนุสาวรีย์อดัม สมิธ - หัวใจแห่งความโชคดี - อนุสาวรีย์หมาน้อยผู้ซื่อสัตย์และกตัญญู - ปราสาทเอดินเบิร์ก - โบสถ์เซนต์ มากาเร็ต                                                                            (-/L/-)

01.50 น.           นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเอดินบะระ เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR031     

** ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

07.20 น.            เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเอดินบะระ เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์

นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ** เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง **

                        นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอดินบะระ (Edinburgh) ประเทศสกอตแลนด์ (Scotland) ถูกอ่านและเขียนผิดมาจนปัจจุบันเป็น “เมืองเอดินเบิร์ก” ดินแดนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สวยงาม ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงอยู่กลางเมือง เป็นที่ตั้งของปราสาทเอดินบะระอันเป็นทำเลที่ได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในสมัยก่อน โดยรอบภูเขาถูกปรับพื้นที่เป็นคูเมืองเพื่อประโยชน์ในเชิงการทหาร รอบนอกเป็นที่ราบลดหลั่นเป็นขั้นๆ กระจายออกโดยรอบ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1995

                        นำท่านเดินทางสู่ ถนนรอยัลไมล์ (Royal Mile) ย่านเมืองเก่า ถนนสายสำคัญที่เชื่อมสู่ พระตำหนักโฮลี่รู๊ด (Holyroodhouse Palace) ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชินี เวลาเสด็จเยือนเมืองเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ และเคยเป็นที่ประทับของพระนางแมรีแห่ง สก๊อต ฝั่งตรงข้ามเป็นรัฐสภาแห่งชาติสก๊อตอันน่าภาคภูมิใจ ด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

กลางวัน             บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

                        นำท่าน ผ่านชม โบสถ์เซนต์ ไจลส์ (St. Giles Cathedral) เป็นวิหารเก่าแก่แห่งเมืองเอดินเบิร์ก สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 เป็นวิหารในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก บริเวณด้านหน้าเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ของ พระเจ้าชาร์ลที่ 2 (Charles II of England) ส่วนด้านนอกอีกฝั่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์อดัม สมิธ (Adam Smith) ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็น บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ ผู้กำหนดแนวคิดเศรษฐศาสตร์ตลาดเสรี และเกิดการเปลี่ยนแปลงการค้าครั้งใหญ่ในทวีปยุโรปเป็นการค้าแบบเสรี  ผ่านชม หัวใจแห่งความโชคดี (The Lucky Heart) ตามพื้นถนน เดิมนั้นเป็นจุดที่ทำไว้สำหรับนำตัวนักโทษมายืนประจาน และชาวเมืองจะมาถ่มน้ำลายใส่เพื่อให้โชคดี ผ่านชม อนุสาวรีย์หมาน้อยผู้ซื่อสัตย์และกตัญญู (Greyfriars Bobby) ที่นอนเฝ้าหลุมศพเจ้านายถึง 14 ปี

                        นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ ปราสาทเอดินเบิร์ก (Edinburgh Castle) อันสง่างามด้วยทำเลที่ตั้งบนเนินเขาสูง มองเห็นเด่นเป็นสง่าจากทุกมุมเมือง เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์สกอตแบ่งเป็นส่วนต่างๆอย่างน่าชม อาทิ ส่วนของป้อมปราการและกำแพงปราสาทโบราณ มีปืนใหญ่เรียงราย รวมทั้งประเพณีการยิงปืนใหญ่ในเวลา 13.00 น. ของทุกวันตลอด 150 ปีที่ผ่านมา บริเวณเดียวกันคือ ผ่านชม โบสถ์เซนต์ มากาเร็ต (St. Margarets) สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่อรำลึกถึงพระมารดาของกษัตริย์เดวิดที่ 1 แล้วเข้าสู่พระราชฐานชั้นในส่วนที่เป็น The Palace จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์แห่งประเทศสกอตแลนด์

** อิสระอาหารค่ำ เพื่อสะดวกแก่การเดินทางท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำ **

 นำคณะเข้าสู่ที่พัก Ibis Budget Hotel Edinburgh Park, Edinburgh, Scotland หรือเทียบเท่า 

 

วันที่สาม             เมืองเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ - เมืองวินเดอร์เมียร์ ประเทศอังกฤษ - อุทยานแห่งชาติเลคดิสทริค - ล่องเรือทะเลสาบเลคดิสทริค - ท่าเรือเลคไซด์ - ท่าเรือบาวเนสส์ - เมืองลิเวอร์พูล - สนามฟุตบอล แอนฟิลด์ - เดอะ ทรี เกรซ - ย่านอัลเบิร์ต ด็อกค์         (B/L/-)

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองวินเดอร์เมียร์ (Windermere) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองเล็ก สะอาด สงบ สุดโรแมนติค ติดอยู่กับทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด ของ ประเทศอังกฤษ (England)

นำท่าน เข้าชม อุทยานแห่งชาติเลคดิสทริค (Lake District National Park) อุทยานแห่งชาติเลคดิสทริคเป็นพื้นที่กว้างที่มีภูเขาสูงชัน ผืนหญ้าที่ปกคลุมอาณาบริเวณจนสุดลูกหูลูกตา และแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ทิวทัศน์ธรรมชาติของบริเวณนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักประพันธ์หลากหลายคน รวมถึงนักประพันธ์กลอนที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของประเทศอังกฤษอย่างวิลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธ ดื่มด่ำไปกับบริเวณอุทยานที่งดงามปานภาพวาด จุดเด่นอย่างหนึ่งของอุทยานคือ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของเกาะอังกฤษชื่อว่า ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Windermere) ซึ่งยาวกว่า 18 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2017

นำท่านสัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติด้วยการ ล่องเรือทะเลสาบเลคดิสทริค (Lake District Cruise) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) จาก ท่าเรือเลคไซด์ (Lakeside Pier) ซึ่งเป็นท่าเรือทางตอนใต้ของเมืองวินเดอร์เมียร์ สู่ ท่าเรือบาวเนสส์ (Bowness Pier) ท่านจะได้ชื่นชมกับความเป็นธรรมชาติ อันเงียบสงบ ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามที่หาชมได้ยาก ** รอบเรืออาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม กรณีไม่สามารถล่องเรือได้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่สามารถคืนค่าใช้จ่าย ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งให้กับท่านได้ทุกกรณี เนื่องจากเป็นการชำระล่วงหน้ากับผู้แทนเรียบร้อยแล้วทั้งหมด **

 กลางวัน            บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)  

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิเวอร์พูล (Liverpool) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่มีฐานะเป็นนครและเป็นเมืองเมโทรโพลิตันของเมอร์ซีย์ไซด์ในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ เมืองถิ่นกำเนิดของวงดนตรีสี่เต่าทองหรือเดอะบีทเทิล (The Beatles) ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงก้องโลก ในทางประวัติศาสตร์ของมณฑลเดิมลิเวอร์พูลเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาสเชอร์ ความรุ่งเรืองของลิเวอร์พูลมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญ ภายในคริสต์ศตวรรษที่ 18 การติดต่อค้าขายกับแคริบเบียน , ไอร์แลนด์ และแผ่นดินใหญ่ยุโรป และความสะดวกในการติดต่อค้าขายกับการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค (Atlantic Slave Trade) ยิ่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น ภายในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 40% ของการค้าขายในโลกต้องผ่านเมืองท่าลิเวอร์พูลซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นเมืองสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศอังกฤษ

นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ สนามฟุตบอล แอนฟิลด์ (Anfield Stadium) สนามเหย้าของทีมสโมสรลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งถิ่นเมอร์ซี่ไซด์ เปิดใช้งานเมื่อปี ค.ศ. 1884 โดยมีจอห์น ออร์เรลล์ เป็นเจ้าของ และผู้บุกเบิก ซึ่งสังเวียนดังกล่าวอยู่ติดๆ กับสวนสาธารณะแสตนลี่ย์ พาร์ค และนัดประเดิมสนามนัดแรกคือ เป็นการพบกับระหว่างเอิร์ลสทาวน์ กับเอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 1884 และก็เป็น "ทอฟี่เมน" ถล่มไป 5-0 สนามแอนฟิลด์ เคยให้สโมสรร่วมเมืองอย่างเอฟเวอร์ตันเช่าเพื่อใช้ในการฝึกซ้อม และทำการแข่งขันจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1892 แต่เอฟเวอร์ตันก็ย้ายออกไปใช้สนามของตัวเองโดยตั้งชื่อกูดิสัน ปาร์ค เนื่องจากความขัดแย้งกันในเรื่องค่าเช่า ส่งผลให้ จอห์น โฮลดิ้ง เจ้าของสนามแอนฟิลด์จึงตัดสินใจสร้างทีมใหม่ขึ้นมาเพื่อเล่นที่สนามแห่งนี้ ซึ่งก็คือสโมสรลิเวอร์พูล ช่วงเวลานั้นแอนฟิลด์สามารถรองรับแฟนบอลได้ประมาณ 60,000 คน และมีความจุ 55,000 ที่นั่ง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1990 เทเลอร์ รีพอร์ต รายงานเหตุการณ์การถล่มของอัฒจันทร์ที่สนามฮิลส์โบโร่ ทำให้พรีเมียร์ลีกจึงมีคำสั่งให้ทุกสนามเปลี่ยนจากอัฒจันทร์ยืนเป็นแบบนั่งทั้งหมดในฤดูกาล 1993-94 ความจุจึงลดลงเหลือ 45,276 ที่นั่ง อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกภายในร้านเมกะสโตร์ ** ยังไม่รวมค่าบัตรเข้าชมภายในสนามฟุตบอล และ ส่วนของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งบริเวณนี้ อาจไม่สามารถเข้าชมได้ เนื่องจาก เช่น วันที่มีการแข่งขัน วันที่มีการเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน หรือ เหตุผลใด เหตุผลหนึ่งก็ตาม ซึ่งนอกเหนือการควบคุมของบริษัท และ ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ ค่าบัตรเข้าชม ท่านละ ประมาณ 20 ปอนด์ หรือ คำนวน เป็นเงินไทย ท่านละ ประมาณ 800 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร และ จำเป็นต้องตรวจสอบรอบที่ว่างอีกครั้ง โดยทั้งนี้ คณะทัวร์จำเป็นต้องดำเนินไปตามระบุทั้งหมด **

นำท่าน ผ่านชม เดอะ ทรี เกรซ (The Three Graces) คือ อาคารเก่าแก่ 3 หลังสัญลักษณ์ของเมืองลิเวอร์พูล ซ้ายมือสุด คือ Port of Liverpool Building เป็นที่ทำการของการท่าเรือลิเวอร์พูล อาคารกลางคือ Cunard Building อาคารของบริษัทเดินเรือคูนาร์ด ส่วนขวามือสุด คือ Royal Liver Building เป็นอาคารคอนกรีตแบบหลายชั้นแห่งแรกที่สร้างในอังกฤษ

นำท่านเดินทางสู่ ย่านอัลเบิร์ต ด็อกค์ (Albert Dock) หรือท่าเรืออัลเบิร์ต ด็อกซ์ เป็นชื่อของย่านตึกอิฐแดงเก่าแก่ และสวยงาม ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2004 อาคารเหล่านี้ เป็นอาคารเก่าที่ก่อสร้างด้วยอิฐ ปูนแห่งแรกในอังกฤษโดยเปิดใช้งานโดยเจ้าชายอัลเบิร์ต ในปี ค.ศ. 1846 เพื่อใช้เป็นท่าเรือและโกดังขนถ่ายสินค้า เมืองลิเวอร์พูลจึงเป็นเมืองท่าสำคัญมานับตั้งแต่นั้น โดยหลังจากที่ปิดทำการจากการเป็นท่าเรือ ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองลิเวอร์พูล

** อิสระอาหารค่ำ เพื่อสะดวกแก่การเดินทางท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำ **

 

 นำคณะเข้าสู่ที่พัก Ibis Styles Liverpool Centre Dale Street, Liverpool, England หรือเทียบเท่า

วันที่สี่                เมืองลิเวอร์พูล - เมืองแมนเชสเตอร์ - วิหารแมนเชสเตอร์ - สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด - เมืองกลอสเตอร์         (B/-/D)

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงจากการเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก เป็นศูนย์กลางศิลปะ สื่อ และธุรกิจขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ตั้งของสโมสรที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการฟุตบอลของโลก โดยมีสโมสรฟุตบอลใหญ่ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ สโมสรคริกเก็ต แลงคาเชียร์ เคาน์ตี้ 

นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ วิหารแมนเชสเตอร์ (Manchester Cathedral) สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1215 โดยบารอนโรเบิร์ต เกรสเล็ต เจ้าของคฤหาสน์แมนเชสเตอร์ สั่งให้สร้างขึ้นมาข้างกับที่พักของเขา เพื่อใช้เป็นโบสถ์ประจำเขตศาสนาของเมืองแมนเชสเตอร์ ก่อนที่จะผ่านวันเวลาและได้รับความเสียหายอย่างหนักจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนงานไม้ต่างๆ ที่งดงามของตัวอาคารแห่งนี้ถูกทำลายไปหมด และได้มีการบูรณะขึ้นมาในช่วงหลังสงครามโลก จึงเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุคกลางของประเทศอังกฤษที่งดงาม และมีการตกแต่งด้วยงานไม้แกะสลักแบบเมืองเหนือของประเทศอังกฤษ แต่ก็น่าเสียดายเมื่อในปี ค.ศ. 1996 ได้ถูกลอบวางระเบิดจากผู้ก่อการร้าน ไออาร์เอ ทำให้ต้องมีการบูรณะใหม่อีกครั้ง แต่ปัจจุบันนั้นก็กลับมาสวยงามดั่งเดิมและใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนารวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของ Church of England ที่หากมาถึงประเทศอังกฤษ ต้องมาเยี่ยมเยือนอีกด้วย

นำท่าน เข้าชม สนามฟุตบอลโอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford Stadium) ของสโมสร แมนยูฯ ที่จัดว่าเป็นสโมสรฟุตบอลร่ำรวยที่สุดในโลก เป็นสนามที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอังกฤษ สามารถรองรับแฟนบอลได้มากถึง 76,212 คน เป็นรองจากสนามเวมบลีย์ สเตเดียม (Wembley Stadium) สนามฟุตบอลของทีมชาติอังกฤษเพียงแห่งเดียว และใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของยุโรปนอกจากนั้นยังเป็น 1 ใน 2 สนามในอังกฤษที่ ยูฟ่า รับรองเป็นสนาม 5 ดาว ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสร และ ยังมีสิ่งของถ้วยรางวัลต่างๆ จัดแสดงโชว์อยู่ด้วย อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกภายในร้านเมกะสโตร์ ** รอบของการเข้าชมภายในสนามฟุตบอล และ ส่วนของพิพิธภัณฑ์ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นสำคัญ กรณีไม่สามารถเข้าชมได้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนโปรแกรมเป็นเข้าชม สนามฟุตแอนฟิลด์ (สนามใด สนามหนึ่ง) เป็นการทดแทน ตามความเหมาะสม หรือ กรณีที่ไม่สามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 สนาม ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เช่น วันที่มีการแข่งขัน วันที่มีการเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน หรือ เหตุผลใด เหตุผลหนึ่งก็ตาม ซึ่งนอกเหนือการควบคุมของบริษัท และ ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ไม่สามารถคืนค่าใช้จ่าย ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งให้กับท่านได้ทุกกรณี เนื่องจากเป็นการชำระล่วงหน้ากับผู้แทนเรียบร้อยแล้วทั้งหมด ทั้งนี้ทางบริษัทจะคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้า เป็นสำคัญ **          

** อิสระอาหารกลางวัน เพื่อสะดวกแก่การเดินทางท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำ **

นำท่านเดินทางสู่ เมืองกลอสเตอร์ (Gloucester) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 10 นาที) เป็นเมืองที่มีฐานะเป็นนครและเมืองหลวงของมณฑลกลอสเตอร์เชอร์ (Gloucestershire) ในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ทางติดกับชายแดนของประเทศเวลส์ และตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเซเวิร์น เมืองกลอสเตอร์ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 48 โดยจักรวรรดิโรมัน ในชื่อ “Glevum” และได้รับพระบรมราชานุญาต ให้เป็นเมืองครั้งแรกในปี ค.ศ. 1155 โดยสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ทางด้านเศรษฐกิจกลอสเตอร์เป็นเมืองอุตสาหกรรมการบริการ และมีความสำคัญทางด้านการเงินและทางด้านธุรกิจโดยเป็นที่ตั้งของธนาคารเชลท์แนม รวมไปถึงเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินอีกด้วย

ค่ำ                    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)

 

 นำคณะเข้าสู่ที่พัก Ibis Gloucester, Gloucester, England  หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า               เมืองกลอสเตอร์ - อาสนวิหารกลอสเตอร์ - หมู่บ้านไบบูลรี่ - เมืองเบอร์ตัน ออน เดอะ วอเตอร์ - เมืองออกซ์ฟอร์ด - มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด - มหาวิทยาลัยไครสต์เชิร์ช - มหาวิหารไครสต์เชิร์ช - เมืองบาธ   (B/-/D)

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน เข้าชม อาสนวิหารกลอสเตอร์ (Gloucester Cathedral) เพื่อตามรอยนวนิยายชื่อดังระดับโลก แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ภายในวิหารแห่งนี้ถูกเลือกให้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ ภาค 1 , 2 และ 6 โดยจุดที่ใช้ถ่ายทำคือบริเวณทางเดินภายในรอบของวิหาร ในภาค 1 มีฉากระเบียงทางเดินไปหอคอยของศาสตราจารย์กริฟฟินดอร์ โดยสุดทางมีประตูที่ทีมงานเอารูปสุภาพสตรีอ้วนมาจัดฉากไว้, ฉากที่แฮร์รี่ฯกับรอนฯรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ฯกำลังตกอยู่ในอันตราย, ฉากโทรลล์กำลังไปห้องอาบน้ำหญิง, ฉากแฮร์รี่ฯกับรอนฯหลบมุมอยู่บริเวณห้องน้ำโบราณ (The Lavatorium) และในภาค 6 มีฉากที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลฯแจ้งพวกนักเรียนในโรงเรียนฮอกวอตส์ให้เดินไปหาห้องเรียนของตนเอง และ ฉากที่แฮร์รี่ฯแอบได้ยินว่าศาสตราจารย์สเนปฯทำปฏิญาณไม่คืนคำ ขณะหลบมุมอยู่บริเวณห้องน้ำโบราณ (The Lavatorium) ** อาสนวิหารกลอสเตอร์ อาจไม่สามารถเข้าชมได้ เช่น วันที่มีการเตรียมจัดพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา วันที่มีพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา หรือ เหตุผลใด เหตุผลหนึ่งก็ตาม ซึ่งนอกเหนือการควบคุมของบริษัท และ ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่สามารถคืนค่าใช้จ่าย ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งให้กับท่านได้ทุกกรณี เนื่องจากเป็นการชำระล่วงหน้ากับผู้แทนเรียบร้อยแล้วทั้งหมด ทั้งนี้ทางบริษัทจะคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้า เป็นสำคัญ **

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านไบบูลรี่ (Bibury Village) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ในแคว้นกลอสเตอร์เชอร์ เขตคอทส์โวลส์ จัดว่าเป็น หมู่บ้านที่สวยที่สุด ในประเทศอังกฤษ (The Most Beautiful Village in England) เป็นหมู่บ้านน่ารัก มีลักษณะบ้านที่เป็นกระท่อมเก่าแก่ เรียกว่าเป็นแบบฉบับบ้านของประเทศอังกฤษโดยแท้ สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17-18 และยังคงรักษาสภาพให้คงอยู่จากอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี มีแม่น้ำสายเล็กๆชื่อว่า แม่น้ำโคน (Coln River) ซึ่งมีน้ำใสไหลผ่านหมู่บ้าน โดยบ้านแต่ละหลังจะตกแต่งหน้าบ้านด้วยสวนดอกไม้แบบอังกฤษตามฤดูกาล แต่ที่มีชื่อเสียงและสวยงามมากที่สุดคือ ดอกกุหลาบอังกฤษ อันเป็นที่มาของ กุหลาบอังกฤษ

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเบอร์ตัน ออน เดอะ วอเตอร์ (Bourton On The Water) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) หมู่บ้านเล็กๆที่รู้จักกันในนามของ เวนิส แห่งคอทส์โวลส์ (Venice of Cotswolds) ของประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่มีความสวยงามน่ารัก มีความโดดเด่นในด้านธรรมชาติอันงดงาม มีลําธารสายเล็กไหลผ่านกลางเมือง และมีสะพานหินทอดข้ามลำธารเป็นช่วงๆ บริเวณริมลำธารเต็มไปด้วย ต้นวิลโลว์ (Willow) แกว่งกิ่งก้านใบอยู่ริมลำธารตลอดแนว ทำให้เมืองนี้ เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์แสนสวยงามจากธรรมแบบลงตัวที่สุด ที่หาชมได้ยาก เมืองนี้มีร้านอาหาร ร้านค้า จำหน่ายของที่ระลึกน่ารักๆต่างๆมากมาย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองออกซ์ฟอร์ด (Oxford) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักกันในนามเมืองแห่งมหาวิทยาลัย ของประเทศอังกฤษ ซึ่งชื่อเมืองตั้งตาม มหาวิทยาลัยระดับโลกที่รู้จักกันในนามของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University)

นําท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ในการเรียนการสอน โดยเปิดสอนมานานนับ 900 ปี โดยไม่มีหลักฐานประวัติการก่อตั้งมหาวิทยาลัยที่แน่นอน และประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับเป็นเวลามากกว่า 9 ศตวรรษของสถาบันแห่งนี้ ชื่อเสียงทางด้านการศึกษา , งานวิจัย , การค้นพบสิ่งใหม่ๆ และการประสบความสำเร็จของศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงที่มีมาตลอด ทำให้ผู้คนทั้งโลกต่างยกย่องให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ใครก็ต่างใฝ่ฝันอยากที่จะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

นําท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ มหาวิทยาลัยไครสต์เชิร์ช (Christ Church University) หรือ ไครสต์เชิร์ชคอลเลจ (Christ Church College) เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่และงามสง่าที่สุดของเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด มีชื่อเรียกกันง่ายๆว่า เดอะเฮ้าส์ (The House) ก่อตั้งในปี 1525 ในชื่อ คาร์ดินัล คอลเลจ โดยพระคาร์นัลวูลซีย์ คนเดียวกับผู้ที่สร้างแฮมป์ตันคอร์ดในเมืองลอนดอน ก่อนที่พระเจ้าเฮนรีที่ 8 จะเปลี่ยนชื่นมาเป็นไครสต์เชิร์ช แต่ตราวิทยาลัยก็ยังคงเป็นหมวกทรงแหลม ของพระราชาคณะวูลซีย์ วิทยาลัยแห่งนี้อยู่ในเครือของมหาวิทยาลัยแห่งอ๊อกซ์ฟอร์ด บริเวณเดียวกัน นําท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ มหาวิหารไครสต์เชิร์ช (Christ Church Cathedral) เป็นอาคารที่สร้างด้วยหินสีทองและเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามน่าประทับใจที่สุดของประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เป็นมหาวิหารที่มียอดแหลมสูง 43 เมตร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาธ (Bath) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่มีฐานะนครในมณฑลซอมเมอร์เซ็ทในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ เมืองบาธได้รับพระราชทานฐานะเป็น “นคร” โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ในปี ค.ศ. 1590 และได้เป็นเทศบาลมณฑล ในปี ค.ศ. 1889 ตัวเมืองบาธตั้งอยู่เนินหลายลูกในหุบเขาของแม่น้ำเอวอนในบริเวณที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของโรมัน ผู้สร้างโรงอาบน้ำโรมันโบราณ (Roman Baths) และวัดโดยตั้งชื่อเมืองว่า “Aquae Sulis” เมืองบาธเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดการ์ดผู้รักสงบทำพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษที่มหาวิหารบาธ ในปี ค.ศ. 973 ต่อมาในสมัยจอร์เจีย เมืองบาธกลายเป็นเมืองน้ำแร่ที่ได้รับความนิยมกันมาก ซึ่งทำให้เมืองบาธขยายตัวมากขึ้นและมีสถาปัตยกรรมจอร์เจียที่เด่นๆ จากสมัยนั้นที่สร้างจากหินบาธที่เป็นหินสีเหลืองนวลสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1987

ค่ำ                    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)

 นำคณะเข้าสู่ที่พัก Best Western Limpley Stoke Hotel, Bath, England  หรือเทียบเท่า 

 

วันที่หก              เมืองบาธ - มหาวิหารบาธ - โรงอาบน้ำโรมันโบราณ - เมืองซาลิสบัวรี่ - อนุสาวรีย์เสาหินสโตนเฮนจ์ - เมืองลอนดอน   (B/-/D)

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ มหาวิหารบาธ (Bath Abbey) และ บริเวณด้านหน้าของ โรงอาบน้ำโรมันโบราณ (Roman Baths) ถือเป็นโรงอาบน้ำโรมันขนาดใหญ่ในสมัยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์และดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งโรงอาบน้ำของที่นี่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นถนนในปัจจุบัน ภายในแบ่งออกเป็นโซนหลักๆ 4 โซนด้วยกัน ตั้งแต่โซน Sacred Spring, Roman Temple, Roman Bath House และ Museum ซึ่งแหล่งน้ำแร่แห่งนี้ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยชาวโรมันบุกเข้ามายึดเกาะอังกฤษ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของทางตะวันตกอีกด้วย ** ยังไม่รวมค่าบัตรเข้าชมสำหรับเด็ก ท่านละ ประมาณ 14.00 ปอนด์ หรือ คำนวณเป็นเงินไทย ท่านละ ประมาณ 602 บาท / ผู้ใหญ่ ท่านละ ประมาณ 15.00 ปอนด์ หรือ คำนวณเป็นเงินไทย ท่านละ ประมาณ 645 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร และ จำเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้า เพราะอาจจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวันได้ **

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิสบัวรี่ (Salisbury) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ประเทศอังกฤษ เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์อันลึกลับ เสาหินสโตนเฮ้นจ์ นำท่าน เข้าชม ในรั้วอาณาเขตที่ตั้งของ อนุสาวรีย์เสาหินสโตนเฮ้นจ์ (Stonehenge) มีอายุกว่า 5,000 ปี เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่ ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน ตัวอนุสรณ์สถานประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000 - 2000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400 - 2200 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะที่ทฤษฎีอื่นๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาลนักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้งๆที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และบริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมดมาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1986

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลอนดอน (London) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที) เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ ที่เป็นศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น ศิลปะ และเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญของยุโรปอีกด้วย

ค่ำ                    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง) พิเศษ !! เมนูเป็ดย่างโกลไมล์

 

วันที่เจ็ด              เมืองลอนดอน - จัตุรัสทราฟัลก้าร์ - จัตุรัสรัฐสภา - พระราชวังเวสท์มินส์เตอร์ - หอนาฬิกาบิ๊กเบน - ชิงช้าสวรรค์ลอนดอน อาย - พระราชวังบัคกิ้งแฮม - สะพานมิลเลนเนียม - โรงละครโกลบ - หอศิลป์แบงค์ไซด์ - โรงเรียนแห่งเมืองลอนดอน - มหาวิหารเซนต์พอล - ย่านนีลส์ ยาร์ด - ย่านไนซ์บริด - ห้างฮาร์วีย์ นิโคล - ห้างแฮรอดส์ - ท่าอากาศยานนานาชาติลอนดอนฮีทโธรว์ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์               (B/-/-)

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสทราฟัลก้าร์ (Trafalgar Square) จตุรัสกลางเมืองที่รายล้อมไปด้วยอาคารราชการสำคัญของเมืองลอนดอน นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ จัตุรัสรัฐสภา (Parliament Square) และ พระราชวังเวสท์มินส์เตอร์ (Westminster Palace) หรือ ตึกรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ (Houses of Parliament) เป็นสถานที่ที่สภาสองสภาของรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร (สภาขุนนาง และสภาสามัญชน) ใช้ประชุม พระราชวังตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำเทมส์ในนครเวสต์มินสเตอร์ของเมืองลอนดอนบะระห์ไม่ไกลจากพระราชวังไวท์ฮอลล์ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ สร้างในปี ค.ศ. 1016 มีห้องทั้งหมดด้วยกันประมาณ 1,100 ห้อง, 100 บันได และ ระเบียงยาวรวมทั้งหมดประมาณ 4.8 กิโลเมตร ตัวสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ก็ยังมีส่วนก่อสร้างเดิมเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยรวมทั้งท้องพระโรงที่ในปัจจุบันใช้ในงานสำคัญๆ เช่น การตั้งศพของบุคคลสำคัญก่อนที่จะนำไปฝัง และหออัญมณี (Jewel Tower) การบริหารพระราชวังแต่เดิมเป็นหน้าที่ของผู้แทนพระองค์ Lord Great Chamberlain แต่ในปี ค.ศ. 1965 เปลี่ยนมือไปเป็นของรัฐสภานอกจากห้องพิธีบางห้องที่ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของผู้แทนพระองค์ หลังจากเกิดเพลิงใหม้ในปี ค.ศ. 1834 ตึกรัฐสภาปัจจุบันก็ได้รับการสร้างใหม่โดยใช้เวลาสร้าง 30 ปี โดยมีเซอร์ ชาร์ลส์ บาร์รีย์ (Charles Barry) และผู้ช่วยออกัสตัส พิวจินเป็นสถาปนิก การออกแบบรวมท้องพระโรงเวสต์มินสเตอร์และชาเปลเซนต์สตีเฟน (St Stephen′s Chapel) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1987 และยังเป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาที่รู้จักกันดีในนาม หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben / Elizabeth Tower) อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษ ที่มีความสูง 320 ฟุต ตีบอกเวลาทุกหนึ่งชั่วโมง เป็นนาฬิกาที่มีหน้าปัดใหญ่ที่สุดในโลก และ

ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของ ชิงช้าสวรรค์ลอนดอน อาย (London Eye) หรือที่รู้จักในชื่อของ มิลเลเนียม วีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี โดยมีแม่น้ำเทมส์กั้นอยู่

นำท่าน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับ พระราชวังบัคกิ้งแฮม (Buckingham Palace) เดิมชื่อ คฤหาสน์บักกิ้งแฮม (Buckingham House) เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ เป็นสถานที่ ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐและยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของเมืองลอนดอน เป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษ สิ่งก่อสร้างเดิมเป็นคฤหาสน์ที่สร้างสำหรับจอห์น เชฟฟิลด์ ยุคแห่งบักกิ้งแฮมในปี ค.ศ. 1703 ต่อมาในปี ค.ศ. 1761 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงซื้อเพื่อใช้เป็นพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่รู้จักกันในชื่อ “วังพระราชินี” (The Queen′s House) ระยะ 75 ปีต่อมาเป็นเวลาที่มีการขยายต่อเติมพระราชวังโดยสถาปนิกจอห์น แนช (John Nash) และ เอ็ดเวิร์ด บลอร์ (Edward Blore) เป็นสามปีกรอบลานกลาง พระราชวังบักกิ้งแฮมกลายมาเป็นพระราชฐานที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1837 การต่อเติมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย ได้เริ่มดำเนินขึ้นช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมทั้งด้านหน้าที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

นำท่านเดินทางสู่ สะพานมิลเลนเนียม (Millennium Bridge) หรือเป็นรู้จักในสะพานทางเท้ามิลเลนเนียมแห่งเมืองลอนดอน คือ สะพานแขวนโครงสร้างเหล็กสำหรับคนเดินที่สร้างข้ามแม่น้ำเทมส์ เชื่อมต่อเขตแบงค์ไซด์ (Bankside) กับเขตตัวเมืองลอนดอน ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเซาท์วาร์ค (Southwark Bridge) และสะพานรถไฟแบล็คเฟรียร์ (Blackfriars) สะพานมิลเลนเนียม ถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1998 และเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2000 บริเวณตอนใต้ของสะพาน ผ่านชม โรงละครโกลบ (Globe Theater) และ หอศิลป์แบงค์ไซด์ (Bankside) ตอนเหนือของสะพาน ผ่านชม โรงเรียนแห่งเมืองลอนดอน (School of London) และ ผ่านชม ด้านล่างของสะพาน คือ มหาวิหารเซนต์พอล (St. Paul′s Cathedral) เป็นอาสนวิหารของคริสตจักรแห่งประเทศอังกฤษ และเป็นโบสถ์ประจำตำแหน่งบิชอปแห่งเมืองลอนดอน สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญเปาโลอัครทูต ตั้งอยู่ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ อาสนวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเชื่อกันว่าเป็นอาสนวิหารที่ 5 ตั้งแต่สร้างอาสนวิหารกันมา ณ ที่ตั้งนี้ แต่อาจจะสูงกว่านั้นถ้านับการบูรณะเข้าไปด้วย แนวเชื่อมของสะพานมิลเลนเนียมสามารถเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าของมหาวิหารเซนต์พอลจากมุมไกลได้อย่างชัดเจนสวยงาม

นำท่านเดินทางสู่ ย่านนีลส์ ยาร์ด (Neal’s Yard) คือย่านที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่ใจกลางเมืองลอนดอน พื้นที่ที่รายล้อมด้วยอาคารหลากสีสันแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่อันน่าจดจำของเมืองลอนดอน โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับ Thomas Neale สถาปนิกผู้พัฒนาพื้นนี้นี้เมื่อศตวรรษที่ 17 ภายใต้พื้นที่รูปทรงสามเหลี่ยมแห่งนี้ เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่เพื่อสุขภาพมากมาย อาทิ ร้าน Neal’s Yard Salad Bar ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับท่านที่รักสุขภาพ

นำท่านเดินทางสู่ ย่านไนซ์บริดจ์ (Knights Bridge) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง ห้างฮาร์วีย์ นิโคล (Harvey Nicole) และ ห้างแฮร์รอดส์ (Harrods) ที่ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งกระเป๋าแฮร์รอดส์ที่นิยมกันอย่างมาก รวมทั้งมีร้านค้าแฟชั่นมากมายให้ท่านเลือกซื้อ

** อิสระอาหารกลางวัน เพื่อสะดวกแก่การเดินทางท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำ **

                        นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติลอนดอนฮีทโธรว์ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษี หรือ ร้านอาหาร

16.00 น.           นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR008

** ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 50 นาที บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

วันที่แปด             ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ - ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ประเทศไทย       (-/-/-)

00.50 น.           เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ ** เพื่อเปลี่ยนเครื่อง **

08.30 น.           นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ประเทศไทย โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR832

** ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง 10 นาที บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

19.00 น.           เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ