Top

อินเดีย เนปาล นมัสเต ไหว้พระสวดมนต์

ชื่อทัวร์ : อินเดีย เนปาล นมัสเต ไหว้พระสวดมนต์
ระยะเวลา : 6 วัน 5 คืน
ราคาเริ่มต้น : 19,900 บาท
วันที่เดินทาง

วันที่ 10 – 15 ม.ค. 63
วันที่ 17 – 22 ม.ค. 63
วันที่ 20 – 25 ก.พ. 63
วันที่ 12 – 17 มี.ค. 63

รายละเอียดทัวร์

อินเดีย เนปาล นมัสเต ไหว้พระสวดมนต์

  สังเวชนียสถาน 4 ตำบล 

ตามรอยพระศาสดา อินเดีย เนปาล สังเวชนียสถานครบ 4 ตำบล

6 วัน 5 คืน โดยสายการบิน อินดิโก แอร์ไลน์ (6E)

นมัสการสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน | พุทธคยา | ราชคฤห์ | เวสาลี | กุสินารา | ลุมพินี | สาวัตถี | พาราณสี | ขึ้นเขาคิชฌกูฎ | ล่องเรือแม่น้ำคงคา

วันที่ 1

กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) (6E 98 : 06.35 – 08.45) – พาราณสี – สังเวชนียสถาน สารนาถ (แสดงปฐมเทศนา)  สถูปเจาคันธี - ล่องเรือแม่น้ำคงคา

03.30 น.

คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ  อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 3 เคาน์เตอร์ E สายการบินอินดิโก แอร์ไลน์  (Indigo Airline) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกจัดเตรียมเอกสารการเดินทางและสัมภาระให้กับท่าน

06.35 น.

ออกเดินทางสู่ เมืองพาราณสี โดยสายการบิน อินดิโก แอร์ไลน์  (Indigo Airline) เที่ยวบินที่ 6E 98 

08.45 น.

ถึงสนามบินพาราณสี (Varanasi) ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 1.5 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำท่านไปยังเมืองสารนาถ (Sarnath) นำชมสังเวชนียสถานแหล่งที่ ๒ สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา นมัสการสถูปเจาคันธี (Chaukhandi Stupa) สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว นำนมัสการธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ แล้วนำชมวิหารมูลคันธกุฏิหลังใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาเลียนแบบคุปตะและจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติฝีมือช่างชาวญี่ปุ่น แล้วนำท่านชมพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ  ชมหัวเสาพระเจ้าอโศก ทำเป็นรูปสิงห์บางท่านอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของศากยสิงห์พระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้า เสามีฐานบัวคว่ำ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรอบสลักเป็นรูปธรรมจักรและรูปช้าง ม้า สิงห์และโค แล้วนำชมโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในบริเวณเมืองสารนาถและเมืองใกล้เคียง อาทิเช่น พระพุทธรูปศิลปะแบบคันธาระ แบบมถุรา แบบคุปตะ และ แบบปาละ ฯลฯ แล้วนำชมโบราณวัตถุชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์ พระพุทธรูปแบบคุปตะปางปฐมเทศนา ที่ค้นพบบริเวณใกล้ๆกับ มูลคันธกุฎี สถานที่จำพรรษาของพระพุทธเจ้า “อนึ่งศิลปะคุปตะได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดในศิลปะอินเดียทั้งมวลและเมืองสารนาถยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนสกุลช่างคุปตะ ที่อายุเก่าแก่ถึง ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว 


กลางวัน

รับประทานอาหารกลางวัน

 

จากนั้นนำท่านสัมผัสกับความหลากหลายของผู้คนและที่แม่น้ำคงคาที่ชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากเป็นจุดที่ตุ้มหู ของพระศิวะตกอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้ ในทางพุทธศาสนาเองเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ได้นำพระอัฐิของพระพุทธเจ้ามาลอยอังคารที่แม่น้ำแห่งนี้ด้วย ให้ท่านได้ล่องเรือเพื่อไปถวายกระทงเป็นพุทธบูชา ณ ที่นี่เองท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวฮินดูซึ่งจะมาอาบน้ำ ดื่มน้ำรวมทั้งท่าน้ำที่นี่ ** ขอสงวนสิทธิ์ปรับเปลี่ยนโปรแกรม กรณีที่ไม่สามารถล่องเรือได้**  จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก 


ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก

โรงแรม TRIDEV  หรือเทียบเท่า,เมืองพาราณสี

วันที่2

พาราณสี - พุทธคยา สถูปพุทธคยา (ตรัสรู้) – พระมหาโพธิ์เจดีย์

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 

นำท่านเดินทางสู่เมืองคยา (Gaya) เมืองพุทธคยา สถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าซึ่งค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์ อเลกซานเดอร์ คันนิงแฮม เมื่อร้อยกว่าปีก่อนแล้ว

กลางวัน

รับประทานอาหารกลางวัน

 

นำท่านนมัสการ สถูปพุทธคยา ทรงศิขระที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” ปางมารวิชัย แล้วนำนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้นำพันธุ์มาปลูกตรงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้สมโพธิญาณ แล้วนำชม สัตตมหาสถาน สถานที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้แล้วเจ็ดแห่ง แห่งละสัปดาห์รอบๆพุทธคยาเพื่อทบทวนความรู้ก่อนที่จะเสด็จออกสั่งสอนผู้คน อันประกอบไปด้วย

1.เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๑

2.เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๒

3.เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา ๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๓

4.เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรม๗ วัน ในสัปดาห์ที่ ๔

5.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่๕

6.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินทร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ ๖

7.เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด ๗วัน 


นำท่านชม พระมหาโพธิ์เจดีย์ (Mahabodhi Temple) อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธเมตตาพระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธ รูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก จากนั้นนำท่านชมศิลปะอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกอายุกว่า ๒,๒๐๐ ปี ชมเสาพระเจ้าอโศกที่ทรงให้สร้างเพื่อประกาศศาสนาและถวายเป็นพุทธบูชาแก่สังเวชนียสถาน ชมประตูโทรณะที่สลัก เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ แล้วชมสถูปและภาพสลักอดีตพระพุทธเจ้าศิลปะสมัยปาละอายุราว ๑,๒๐๐ ปี “สมัยปาละเป็นช่วงที่พุทธศาสนารุ่งเรืองแผ่ขยายอยู่ในอินเดียภาคเหนือโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหารตามหลักฐานการบันทึกจดหมายเหตุการณ์เดินทางมาสืบทอดพุทธศาสนาของหลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) และหลวงจีนอี้จิง จากประเทศจีน” ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก

โรงแรม TATHAGAT  หรือเทียบเท่า,เมืองพุทธคยา

วันที่ 3

พุทธคยา วัดป่ามหาวัน เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช  เมืองกุสินารา

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม

 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี (Vaishali) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง)

 

นำท่านชมเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งในสิบหกแค้วนของชมพูทวีปในสมัยโบราณ เมืองนี้มีชื่อหลายชื่อคือ ไพสาลี ไวสาลี และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนและที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมาย กษัตริย์ลิจฉวีจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองไวสาลี พร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง นำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน ชมเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย เมืองเวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่างๆ มีถึง ๘วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุด ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เองที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี ได้มีการทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี

 

กลางวัน

รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย

นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ เมืองกุสินารา (Kushinagar) ซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก

โรงแรม OM RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า,เมืองกุสินารา

วันที่ 4

กุสินารา – สังเวชนียสถาน กุสินารา (ปรินิพพาน) – เมืองลุมพินีวัน

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

 

นำท่านชมสังเวชนียสถานแหล่งที่ ๔ กุสินารา ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวา เป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า “สาลวโนทาย” สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฏ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระ โพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดีของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ

 

นำท่านนมัสการอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือ มหาปรินิพพานสถูป (Parinirvana Stupa) ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย จากนั้นนำท่านนมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าที่มกุฎพันธเจดีย์ แล้วนำนั่งสมาธิที่วิหารพระรูปพระพุทธไสยาสน์ มีจารึกกำหนดอายุเก่าแก่กว่า ๑,๔๐๐ปี แสดงตอนเสด็จปรินิพพาน

 


กลางวัน

รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลุมพินี (Lumbini) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

*** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางติดตัวไว้

เพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดียเข้าสู่ประเทศเนปาล ***

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก

โรงแรม ZAMBALA หรือเทียบเท่า,เมืองลุมพินี, ประเทศเนปาล

วันที่ 5

สังเวชนียสถาน สวนลุมพินีวัน (ประสูติ) วิหารมหามายา -  สระโบกขรณี เสาพระเจ้าอโศก-เมืองพาราณสี

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

 

นำท่านชม สังเวชนียสถานแหล่งที่ ๓ สวนลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญเดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ปี ซึ้งภายในบริเวณมีวิหารมหามายา สระโบกขรณี และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ้วและมีข้อความจารึกเป็นหลักฐานว่า “ณ ที่นี่คือ สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์” (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ ) ปัจจุบันลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ “เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ยังมี “วิหารมายาเทวี” ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบันทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ ปัจจุบันลุมพินีวันอยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโคราฆปุระ ห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) ทางทิศตะวันออก ๑๑ กิโลเมตร และห่างจากสิทธารถนคร (หรือนครเทวทหะ) ทางทิศตะวันตก๑๑กิโลเมตร ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ ปัจจุบันลุมพินีวันมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ทางการเรียกสถานที่นี้ว่า รุมมินเด มีสภาพเป็นชนบท มีผู้อาศัยอยู่ไม่มากมีสิ่งปลูกสร้างเป็นพุทธสถานเพียงเล็กน้อย แต่มีวัดพุทธอยู่ในบริเวณนี้หลายวัด รวมทั้งวัดไทยลุมพินี ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐

 


กลางวัน

รับประทานอาหารกลางวัน

บ่าย

นำเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองพาราณสี(Varanasi) สถานที่แสดงปฐมเทศนา (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 6-7 ชั่วโมง)        

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก

โรงแรม TRIDEV หรือเทียบเท่า,เมืองพาราณสี


วันที่ 6

พาราณสี – กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) (6E : 11.40-16.40)

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม

 

 ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินพาราณสี

11.40 น.

ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินอินดิโก แอร์ไลน์  (Indigo Airline) เที่ยวบินที่ 6E 97 

16.40 น.

ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยความสวัสดิภาพ