Top

ทัวร์ตุรกี 9 วัน การบินไทย

ชื่อทัวร์ : ทัวร์ตุรกี 9 วัน การบินไทย
สายการบิน : การบินไทย
ระยะเวลา : 9 วัน 6 คืน
ราคาเริ่มต้น : 59,999 บาท
วันที่เดินทาง

25 ธ.ค. 66 – 02 ม.ค. 67

26 ธ.ค. 66 – 03 ม.ค. 67

27 ธ.ค. 66 – 04 ม.ค. 67

รายละเอียดทัวร์

ทัวร์ตุรกี TURKEY TURKIYE เที่ยวตุรกี ตุรกีราคาถูก ไปตุรกี

โปรแกรมทัวร์ตุรกี เที่ยวตุรกี ตุรเคีย 

รวมเดินทางสัมผัสความยิ่งใหญ่แห่งดินแดน 2 ทวีป

เต็มอิ่มกับประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานของอาณาจักรออตโตมัน

ชื่นชมความงามของธรรมชาติในรูปแบบ Bird eye view ณ เมืองคัปปาโดเกีย cappadocia บินการบินไทย Thai Airways

 

ไฮไลท์

  • ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส
  • นั่งกระเช้าชมเมืองโบราณเพอกามัม
  • ชม ฮายาโซเฟียและเอฟเฟซุส

บินด้วยสายการบิน THAI AIRWAYS(TG): ขึ้นเครื่องสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)

TG 900

BKK(สุวรรณภูมิ) – IST(อิสตันบูล)

23.45 – 06.05

TG 901

IST(อิสตันบูล)  – BKK(สุวรรณภูมิ)

16.30 – 05.35

**โหลดกระเป๋าสัมภาระน้ำหนักไม่เกิน 30ก.ก.และ ถือขึ้นเครื่องบินได้น้ำหนักไม่เกิน7ก.ก. **

**เวลาบินอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสายการบิน**

DAY 1กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)      (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องบิน)

20.30        คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบิน THAI AIRWAYSโดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกตลอดขั้นตอนการเช็คอิน และ หัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

23.45        ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรเคียโดยสายการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่TG900** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง **

 

DAY 2เมืองอิสตันบูล–บูร์ซ่าร์ – สุเหร่าสีเขียว – ตลาดผ้าไหม –คูซาดาซี–เมืองโบราณเอฟฟิซุส      (-L/D)

05.15          เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย

หลังผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนการเดินทางเป็นรถโค้ชปรับอากาศนำท่านเดินทางสู่ เมืองบูร์ซ่าร์ (BURSA)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30ชั่วโมง)เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี ห่างจากชายฝั่งทะเลมาร์มะราไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 21 กม.เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมันระหว่างปี ค.ศ. 1326 ถึง 1365

** คำแนะนำ โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า **การเข้าชมสุเหร่า จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม

สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ

สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

นำท่านชมความงามของ มัสยิดเก่าแก่ของเมืองบูร์ซ่า (GRAND MOSQUE)หรือสุเหร่าสีเขียวภายในจะพบกับผลงานอันละเอียดอ่อน และประณีตของงานกระเบื้องประดับที่มีสีสันลวดรายที่ละเอียด และซับซ้อนอย่างพิสดาร ทั้งลายรูปวงกลม รูปดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม และรูปเรขาคณิต ให้ท่านได้ชมความสวยงามของตัวเมืองที่ในอดีตกษัตริย์ที่เคยปกครองอาณาจักรออตโตมาน ได้ใช้เมืองนี้เป็นที่ฝังศพ และนอกจากนั้นยังถูกตกแต่งให้เป็นสวนที่สวยงามร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีเขียว GREEN BURSA สุสานสีเขียว GREEN TOMB สุเหร่าสีเขียว หรือ YESIL MOSQUE สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบอร์ซา ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1491 - 1421 โดยสถาปนิก ชื่อ HACI IVAZ PASA โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเบอร์ซา อาคารสุเหร่ามีความโดดเด่นด้วยการใช้กระเบื้องหินอ่อนสีฟ้าเขียวในการตกแต่ง ผนังและเพดานด้านในก็ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสีฟ้าเขียวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ภายในยังเป็นที่บรรจุศพของสุลต่านเมห์เมดที่ 1 และครอบครัว สถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าของประเทศตุรกี นำท่านช้อปปิ้งตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซาBURSA SILK MARKETโดยตลาดแห่งนี้ค้าขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นหลัก โดยเฉพาะผ้าคลุมศีรษะลวดลายพื้นเมือง เนื่องมาผู้คนส่วนใหญ่ที่ตุรเคียนับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก ซึ่งนอกจากผ้าคลุมแล้วก็ยังมีเสื้อผ้าหลากหลายแบบและด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เองที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตลาดที่มีความสวยงาม จนครั้งหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้าควีนอลิซาเบท แห่งอังกฤษเคยมาเยือน

เที่ยง           บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4ชั่วโมง30 นาที) เมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี ในอดีตเมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลกนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS)เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (LONIA) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ หอสมุดเซลซุส (LIBRARY OF CELSUS) มีความสวยงามเป็นเลิศและมีขนาดใหญ่มาก สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุสเซลซุส ในปี657-660และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่          RAMADA SUITE HOTEL , KUSADASIโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า 

 

DAY 3ร้านเครื่องหนัง– ปามุคคาเล่ – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส (B/L/D)       

เช้า          บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

                  นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (LEATHER FACTORY)ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น VERSACE , PRADA , MICHAEL KORS อีกด้วย

เที่ยง           บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชั่วโมง) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกขึ้นกึ่งสถาปัตยกรรมนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE)ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก บริเวณเดียวกันจะเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS)เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่          COLLESSEA HOTEL , PAMUKKALEโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า 

 

DAY 4    โรงงานสิ่งทอ– คัปปาโดเกีย–โรงงานพรม / เซรามิค / เครื่องประดับ(B/L/D)   

เช้า           บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

แวะชมโรงงานสิ่งทอที่เป็นสินค้าขึ้นชื่อของเมืองตุรกี ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจากโรงานผู้ผลิตท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8ชั่วโมง) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับ ภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมาจากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกัน กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” (FAIRY CHIMNEY) โดยชื่อ คัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ อีกทั้ง ยังมีเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองคัปปาโดเกีย ถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะที่เมืองใต้ดินแห่งนี้ขุดลึกลงไปถึง 10 ชั้น ประมาณ 90 เมตร และภายในเมืองใต้ดินยังแบ่งซอยเป็นห้องย่อย เฉพาะที่เมืองคัปปาโดเกียมีเมืองใต้ดินมากถึง 15 แห่งและถ้ารวมทั้งเมืองอื่นๆ ด้วยก็เกือบๆ 200 แห่งเลยทีเดียว และยังมีการขุดเชื่อมกันระหว่างแต่ละเมืองอีกด้วย  ซึ่งภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์  บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน เลยทีเดียว ด้วยความอัศจรรย์ใต้พิภพแห่งนี้ ทางองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเจีย เป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย

เที่ยง           บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม (CARPET FACTORY) , โรงงานเซรามิค (CERAMIC FACTORY)และโรงงานเครื่องประดับ (JEWELLY FACTORY)เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองที่มีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่          MINIA HOTEL , CAPPADOCIA โรงแรมสไตล์ถ้ำหรือเทียบเท่า

 

DAY 5     พิพิธภัณฑ์เกอราเม่ –นครใต้ดิน – หุบเขานกพิราบ – หุบเขาอุซิซาร์   (B/L/D)   


** แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ **

  1. สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมจะต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูนอยู่ที่ท่านละ ประมาณ 280 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรม
    ทัวร์ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

  2. รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 120 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

3.รถคลาสสิคทัวร์ (Classic Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถคลาสสิค ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถอยู่ที่ ท่านละ 100 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

เช้าบริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม


นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอราเม่ (GOREME)เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณคัปปาโดเกีย ในตอนกลางของอานาโตเลียในประเทศตุรกี เกอเรเมตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่ หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และ การผลิตเครื่องเซรามิคล้ำค่าแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอราเม่ (OPEN AIR MUSEUM OF GOREME)ซึ่งองค์กรยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์นำท่านเดินทางสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY)เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้องๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

เที่ยง           บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านนอกหุบเขานกพิราบ (PIGEON VALLEY)เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วยจากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านนอกหุบเขาอุชิซาร์ (UCHISAR VALLEY)ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วยนำท่านถ่ายรูปด้านนอกหุบเขาพาซาแบค (PASABAG VALLEY) หรือหุบเขาพระ (MONKS VALLEY)เป็นหินทรงสูงใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายเห็ดสามหัวรูปร่างแปลกตา

 

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่          MINIA HOTEL , CAPPADOCIA โรงแรมสไตล์ถ้ำหรือเทียบเท่า

 

DAY 6ทะเลสาบเกลือ–อังการา – สุสานมุสตาฟาอตาเติร์ก     (B/L/D)   

เช้า     บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

               นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเกลือ (SALT LAKE)เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2ของตุรกี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเปอร์เซ็นต์ของเกลือสูง หากเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบเกลือในหน้าร้อน น้ำทะเลสาบจะเหือดแห้งเหลือเพียงแต่กองเกลือที่ตกผลึกเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดสายตา และที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วยนำท่านเดินทางท่องเที่ยว อังการา (ANKARA)เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศตุรกีรองจากอิสตันบูล เมืองอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการและสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ

เที่ยง    บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM)เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ซึ่งเป็นผู้นําในสงครามการกอบกู้อิสรภาพของตุรกี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก และมุสตาฟา อิสเมท อีเนอนือ ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกี สุสานแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 มีความสําคัญกับประเทศตุรกีเป็นอย่างมาก โดยมีการบันทึกลงธนบัตรลีร่าตุรกี ถูกพิมพ์ขึ้นระหว่างปี 1966 – 1987 และ ปี 1999 – 2009 ปรากฏภาพสุสานแห่งนี้บนธนบัตรลีร่าด้วย

ค่ำ        บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่NEW PARK HOTEL , ANKARAโรงแรมระดับ 5ดาว หรือเทียบเท่า 

DAY 7     อิสตันบูล– ตลาดสไปซ์–ทักซิมสแควร์      (B/L/–)   

เช้า     บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล(ISTANBUL)เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรเคีย มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง THRACE ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความเอกลักษณ์เฉพาะที่พิเศษท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (BOSPHORUS CRUISE)ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (THE BLACK SEA) กับทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้างเริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ช่องแคบนี้ ถือว่าเป็นจุดบรรจบกันของสุดขอบทวีป ยุโรปและสุดขอบทวีปเอเซีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรเคียอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาห์เชหรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย

เที่ยง           บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (TURKISH DELIGHT SHOP)คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิลนำท่านเดินทางสู่ สไปซ์บาซาร์ (SPICE BAZAAR)เป็นตลาดเครื่องเทศตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ที่นี่ถือเป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ ภายในตลาดยังมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ อาทิ อาหาร, เครื่องเทศ, ขนมหวานของตุรกี, เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง และเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วยนำท่านสู่จัตุรัสทักซิมสแควร์ (TAKSIM SQUARE)ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมือง และยังมีแทรมป์โบราณ (TRAM) เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองอิสตันบูล

ค่ำ            อิสระอาหารค่ำเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

พักที่PULMAN HOTEL , ISTANBUL โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า 

 

DAY 8 หอคอยกาลาตา–BLUE MOSQUE – ฮิปโปโดรม – วิหารฮาเจีย โซเฟีย –สนามบินอิสตันบูล            (B/–/–)   

เช้า     บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านถ่ายภาพกับ หอคอยกาลาตา (GALATA TOWER)หอคอยหินสไตล์โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเลปัจจุบันชั้นบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง

** คำแนะนำ โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า **

การเข้าชมสุเหร่า จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม

สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ

สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

นำท่านเข้าชมสุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE)หรือชื่อเดิมคือ สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1 (SULTAN AHMED MOSQUE) การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ ถ่ายรูปได้ ห้ามส่งเสียงดัง และกรุณาทำกิริยาให้สำรวม สุเหร่านี้สร้างในปี 2152 เสร็จปี 2159 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผุ้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (KULLIYE) **ถ้าตรงกับวันที่ปิดขอสงวนสิทธิ์พาไปย่าน BALAT & FENER ชุมชนชาวยิวเก่าแก่ กว่า 100
ปีแทน

นำท่านเดินทางสู่ ฮิปโปโดรม (HIPPODROME)คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (CHARIOT RACING) โดยคำว่า ฮิปโปส และ โดรโมส ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในภาษาฝรั่งเศสด้วย หมายถึง การแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (CENTRAL MOSCOW HIPPODROME) น่าเสียดายที่เหลือแต่ซากปรักหักพังของ ฮิปโปโดรมของกรุงคอนสแตนติโนเปิลในอดีต หรือ อิสตันบลูในปัจจุบัน แม้จะยิ่งใหญ่และเก่าแก่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203-330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (COLUMN OF CONSTANTINE VII) สร้างเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมือง เดลฟี (DELPHI) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อิยิปต์ หรือเสาโอเบลิส (OBELISK OF THUTMOSE) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ OBELISKOS หมายถึง เหล็กแหลม เข็ม หรือ เสาปลายแหลม ลักษณะของเสาโอเบลิสก์จะเป็นเสาสูง สร้างจากหินแกรนิตขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว ฐานของเสาจะกว้างและค่อยๆ เรียวแหลมขึ้นสู่ยอดด้านบนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสี่ด้าน ยอดบนสุดจะเป็นลักษณะเหมือนปิรามิด และมักนิยมหุ้มหรือเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เหล็ก หรือ ทองแดง เป็นต้น เสาโอเบลิสก์เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะที่มีต้นกำเนิดจากอียิปต์โบราณ เป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางสู่วิหารเทพเจ้า ปกติจะนิยมสร้างขึ้นเป็นคู่ ตั้งอยู่ ณ บริเวณทางเข้าวิหาร ตัวอย่างเช่นที่ วิหารลักซอร์ หรือ วิหารคาร์นัค เป็นต้น บริเวณรอบๆเสาโอเบลิสก์จะแกะสลักเป็นร่องลึกด้วยอักษรเฮียโรกลิฟฟิค บอกเล่าถึงฟาโรห์ผู้สร้าง และเรื่องราวของการสร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า ดังนั้น เสาโอเบลิสก์จึงเป็นเสมือนหนึ่งเสาอนุสรณ์ บ่งบอกถึงนัยยะแห่งที่ตั้งของสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์

นำท่านเข้าชม วิหารฮาเจีย โซเฟีย (MOSQUE OF HAGIA SOPHIA)1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินอ่อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี่ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเจีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางโบราณ **ปิดทำการทุกวันจันทร์ ถ้าตรงวันปิดขอสงวนสิทธิ์พาไปขึ้นกระเช้าชมวิว Piere Loti แทน** 

เที่ยง    อิสระอาหารกลางวันเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

ได้เวลาอันสมควรพาทุกท่านเข้าสู่สนามบินอิสตันบูลเพื่อทำการเช็คอินกลับประเทศไทย

16.30        ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทยโดยสายการบินTHAI AIRWAYS เที่ยวบินที่TG901** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ใช้เวลาบินโดยประมาณ 10 ชั่วโมง **

 

DAY 9     อิสตันบูล - กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)(มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องบิน)

05.35  เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ