Top

ทัวร์ตุรกี บินภายใน 2 ขา

ชื่อทัวร์ : ทัวร์ตุรกี บินภายใน 2 ขา
สายการบิน : Turkish Airlines
ระยะเวลา : 8 วัน 5 คืน
ราคาเริ่มต้น : 36,900 บาท
วันที่เดินทาง

29 มีนาคม 63-05 เมษายน 63
07 เมษายน 63-14 เมษายน 63

รายละเอียดทัวร์

ทัวร์ตุรกี เที่ยวตุรกี ตุรกีราคาถูก

ไปตุรกี TURKEY

ตรุกี 8 วัน 5 คืน และบินภายใน 2 ขา 

โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (TK)

 
 
 

เที่ยง                     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น                  ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล บลูมอสก์(Blue Mosque) สุเหร่าสีน้ำเงิน สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่ง วิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง สุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง

หลังจากนั้นนำท่านชม ปามุคคาเล (PAMUKKALE) มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี

                            (เช้า/กลางวัน/เย็น)    

วันแรก                 กรุงเทพ • ตุรกี     (-/-/-)        

19.30 น.                พร้อมกันที่สนามบินสุววรณภูมิเคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เคาท์เตอร์U ประตู 9

Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

21.45 น.                ออกเดินทาง (บินตรง) สู่ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูลโดยเที่ยวบินที่ TK65

วันที่สอง               สนามบินอิสตันบูล • สนามบินเนฟเซไฮร์(บินภายใน) • เมืองคัปปาโดเกีย พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม หุบเขานกพิราบชมโรงงานผลิตพรมทอมือ ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่       (-/กลางวัน/เย็น)

04.10 น.                เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก ประเทศตุรกี

                            เตรียมตัวเปลี่ยนเครื่องเพื่อบินภายในประเทศ

06.35 น.                ออกเดินทางสู่สนามบินเนฟเซไฮร์(NevşehirKapadokya Airport)โดยเที่ยวบินที่ TK2006

08.00 น.                เดินทางถึงเมืองเนฟเซไฮร์ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)

เดินทางสู่               เมืองคัปปาโดเกีย(Cappadocia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี”  ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา   จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

จากนั้น                  ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน

เที่ยง                    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร และชิม TURKISH ICE CREAM MADO 

จากนั้น                  หุบเขานกพิราบ Pigeon Valley ได้ชื่อนี้มาจากบ้านนกพิราบที่สลักเข้าไปในหิน นกชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารที่สำคัญสำหรับผู้ที่เคยอาศัยอยู่ในแถบนี้ และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ผู้มาเยือนบางคนเลือกที่จะสำรวจภูมิประเทศแปลกประหลาดนี้ เรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านถ้ำที่แกะเข้าไปในหินเหล่านี้ ที่นี่แตกต่างจากชุมชนถ้ำส่วนใหญ่ในแคปพาโดเชียตรงที่หุบเขา Pigeon Valley ไม่มีโบสถ์

ชม บ้านท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในถ้ำของชาวคัปปาโดเกีย (Local cave house) เจ้าของบ้านจะชงชาแอปเปิ้ลร้อนๆรสกลมกล่อมมาให้ดื่มดับกระหาย แถมด้วยรอยยิ้มและน้ำมิตรที่สร้างความประทับใจให้กับอาคันตุกะแดนไกลอย่างผมได้มากโข ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนพื้นเมืองอย่างแท้จริง ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย

เย็น                       รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

จากนั้น                  ชมการแสดงพื้นเมือง “โชว์ระบำหน้าท้อง”Belly Danceเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบันและการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน

ที่พัก                       พักโรงแรมตกแต่งสไตล์ถ้ำ 1 คืน ALFINA CAVE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันมาตรฐานตุรกี

** ในกรณีโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ใช้โรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกันแทน**

วันที่สาม              นครใต้ดินไคมัคลึ ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ  เมืองคอนย่า สถานีคาราวาน พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า

เช้า                        äบริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น                  นครใต้ดินไคมัคลึ(Underground City of Derinkuyu or Kaymakli)เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท 

จากนั้น                  ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไป ตามแหล่งที่ผลิตแต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุด ต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke) พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลีชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเค

เที่ยง                     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่               เมืองคอนย่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

ระหว่างทาง แวะชม    สถานีคาราวาน (Caravanserai) มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชีย ที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อน ให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง สถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้า การติดต่อสื่อสาร และการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (trade routes) เป็นที่รู้จักในภาษาไทยด้วยชื่อเรียกว่า "โรงเตี๊ยม

 

นำท่านชม              พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า(Mevlana museum)หรือสำนักลมวน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1231 โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม  พิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดินภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม

เย็น                       รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก                      GRAND KONYA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่ KONYA มาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่สี่                  คอนย่า ปามุคคาเล ปราสาทปุยฝ้าย  (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า                        บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

เดินทางสู่               ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) (ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี

เที่ยง                     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

เย็น                       รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก                      COLOSSAE THERMAL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่ PAMUKKALAมาตรฐานระดับดาวตุรกี

***ในส่วนของโรงแรมจะมีที่แช่น้ำร้อนให้ท่านเตรียมชุดว่ายน้ำไว้สำหรับลงแช่ด้วยค่ะ***

วันที่ห้า                  เอฟฟิซุส โรงงานผลิตเสื้อหนัง เมืองโบราณ บ้านพระแม่มารี ท่าอากาศยานอัดนัน เมรเดเรส ท่าอากาศยานอิสตันบูล  อิสตันบูล  (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า                        äบริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่                เมืองโบราณเอฟฟิซุส  (Ephesus)  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

หลังอาหาร             นำท่านชม โรงงานผลิตเสื้อหนัง ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก

เที่ยง                     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น                  ชมเมืองโบราณเอฟฟิซุส  (Ephesus)  เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก

บ้านพระแม่มารี (House of Vergin Mary) เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง                           

เดินทางเข้าสู่ ท่าอากาศยานอัดนัน เมรเดเรส Adnan Menderes Airport

18.05 น.                ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก โดยเที่ยวบินที่ TK2329

19.20 น.                เดินทางถึงท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก

                            เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย)

เย็น                       ä เพื่อความสะดวกรับประทานอาหารเย็นแบบ BOX SET

ที่พัก                      LIONEL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง ISTANBUL มาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่หก                 บลูมอสก์ อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด ฮายาโซฟีย   พระราชวังทอปกาปึ สไปซ์มาเก็ต  (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า                        บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

ชม                        อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน(Basilica Cistern) เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น

จากนั้น                  ชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex)หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome) ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น

นำท่านชม              ฮายาโซฟีย  (Hagia Sophia) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม

บ่าย                  ชมพระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace)อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย ′จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต′(MEHMET THE CONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา)มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน ′มาห์มุทที่ 3′ ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่าน

จากนั้น                  ชอปปิ้ง ณ สไปซ์มาเก็ตเป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่ยาวนาน ถึง 350 กว่าปีสินค้าที่ขายอันดับหนึ่ง ได้แก่เครื่องเทศ ตามชื่อของตลาดสไปซ์ โดยแทบทุกร้านจะมีกระบะไม้วางเรียงกัน แต่ละกระบะจะบรรจุเครื่องเทศกลิ่นต่างๆ เช่นเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ ต้มน้ำซุป หรือ แม้แต่อบเชยหรือซีเนมอนที่ใช้ผสมกับเครื่องดื่มนอกจากเครื่องเทศแล้วยังมีสินค้าประเภทถั่ว ชาผลไม้ รวมไปถึงผลไม้อบแห้งน้ำผึ้งแท้ น้ำมันหอมระเหย ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก รวมถึงเตอกิชดีไลท์ ขนมหวานเตอร์กิชต้นตำรับแท้ๆ

เย็น                       รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก                      LIONEL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง ISTANBUL มาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่เจ็ด                ล่องเรือช่องแคบบอสพอรัส พระราชวังโดลมาบาห์เช่ สวนอิเมอร์แกนด์   ตลาดแกรนด์บาซาร์ สนามบินอิสตันบูล (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า                        บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น                  นำท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสพอรัส (Bosporus Strait) เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชีย  ช่องแคบบอสฟอรัสยาวราว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดกว้าง 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นถึงราว 11 ล้านคน

ชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่(Dolmabahce Palace)ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคลความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เช เน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ลูกกรงบันไดยังตกแต่งด้วยแก้วเจียระไน ห้องโถงใหญ่ประดับด้วยโคมระย้าขนาดมหึมาหนักกว่า 4.5 ตัน อลังการงานสร้างจริง

เที่ยง                     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ สวนอิเมอร์แกนด์ (Emirgan Park) สวนดอกไม้ทิวลิปขนาดใหญ่ในนครอิสตันบูล ทิวลิปเป็นดอกไม้ประจำชาติของตุรกี มีชื่อเรียกในภาษาตุรกีว่า Lale ซึ่งถ้าอ่านกลับกัน เป็น elal จะออกเสียงว่า อัลเลาะห์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ดอกทิวลิป มีต้นกำเนิดที่ประเทศตุรกี เป็นดอกไม้ป่า ที่ขึ้นเองในธรรมชาติ สมัยโบราณเจ้าหน้าที่ตุรกีได้นำดอกทิวลิป มามอบให้กับทูตเวียนนา เพื่อไปปลูกยังประเทศออสเตรีย แต่มีคนสวนชาวฮอลแลนด์นำกลับมาปลูก และเพาะพันธุ์ และผสมพันธุ์ใหม่จนเกิดเป็นหลากหลายสี และหลายพันธุ์ การผสมพันธุ์ ดอกไม้ที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาตินั้น จึงขัดต่อหลักศาสนา และถูกห้าม จึงทำให้หัวทิวลิปนั้นมีราคาแพง คนรวยในสังคมชั้นสูงจึงจะมีเงินซื้อมาปลูก และมีราคาแพงมากจนถูกห้ามปลูก ในอังกฤษ จากนั้นการเพาะพันธุ์ทิวลิป ได้รับการยอมรับและรัฐบาลสนับสนุน และเป็นสินค้าส่งออกทีสำคัญอย่างหนึ่งของ เนเธอร์แลนด์

***ทั้งนี้ความสมบูรณ์ของดอกทิวลิปในแต่ละปีขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยให้ท่านได้ชมความสวยงามของต้นกำเนิดดอกทิวลิปได้ในเดือนเมษายนของทุกปีที่ประเทศตุรกีนั่นเอง *** 

จากนั้น                  ชอปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศตุรกี มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี นอกจากจะเก่าแก่ที่สุดแล้ว ยังเป็นตลาดในร่มสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในตลาดแกรนด์บาซาร์มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน มีทางเข้ามากกว่า 21 ทาง แบ่งออกเป็นโซนตามประเภทสินค้าชัดเจน สินค้าหลักๆ ที่ขายในนี้คือ เครื่องเงิน พรม สิ่งทอ เสื้อผ้า วัตถุโบราณ ทองคำ และของที่ระลึก

เย็น                       รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

หลังอาหารเย็น        นำท่านเดินทางเข้าสู่สนามบิน สนามบินแห่งใหม่ของกรุงอิสตันบูล มีสินค้าปลอดภาษี และสินค้าแบรนด์เนม อาทิ LOUIS VUITTON, GUCCI, RRADA, HERMES และอื่นอื่นอีกมากมาย

วันที่แปด               สนามบินอิสตันบูล กรุงเทพ

01.25 น.                 ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ  โดยสายการบินสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK68   

15.00 น.                 เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

…………………………………………………………………………