Top

ไปฝรั่งเศสเสพสิ่งสวยงาม

ไปฝรั่งเศสเสพสิ่งสวยงาม

พอพูดถึงการไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศสคนส่วนมากมักนึกถึงแต่เมืองใหญ่อย่างปารีส แต่จริงๆแล้วฝรั่งเศสยังเต็มไปด้วยเมืองที่มีเสน่ห์อีกมากมายทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ ของขึ้นชื่อ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติต่างๆที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศอันผ่อนคลายพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด หรือกระทั่งเมืองบรรยากาศโบราณที่มีกลิ่นอายความเป็นยุคกลางเต็มเปี่ยม ที่สำคัญแต่ละเมืองที่เราแนะนำบรรยากาศท่องเที่ยวไม่แออัดคนไม่เยอะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์สบายๆ เพื่อรีเฟรชร่างกายให้เต็มที่ และใช้ช่วงเวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าสุดๆ ตามเรามาดู 10 เมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประเทศฝรั่งเศสกันเลย

1.Nice

นีส(Nice) เมืองตากอากาศมีบรรยากาศชายหาดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดฟิน ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่เสาะหาสถานที่ฮันนีมูนแสนโรแมนติก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็นท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับต้นๆและยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของฝรั่งเศส สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมีความหลายหลาย เนื่องมาจากสถานที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะเที่ยวแนวผจญภัยก็ได้หรือจะต้องการซึมซับความบรรยากาศชายหาดอันงดงามก็ดี ยิ่งช่วงฤดูร้อนท้องฟ้าปลอดโปร่งตัดกับท้องทะเลสีฟ้าสดเป็นอะไรที่น่าเที่ยวมากที่สุด ชายหาดที่แนะนำนั่นคือ ลา โพรเมอ นาด เด ซอง เกส (La Promenade des Anglais)

2. หอไอเฟล (Eiffel Tower)

สัญลักษณ์อันดับหนึ่งของฝรั่งเศสที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึง อีกทั้งยังสามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ปารีสในมุมสูงได้อีกด้วย นับเป็นจุดเช็กอินที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งช่วงกลางคืนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ช่วงกลางวันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปิดเวลาเที่ยงคืนเลยทีเดียว 

3. คานส์ (Cannes)

คานส์(Cannes)อาจจะเป็นชื่อที่หลายๆคนอาจคุ้นกันดีจากการเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes ซึ่งไม่ได้มีดีแค่นั้นแต่การที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศสส่งผลให้อากาศคอนข้างดีน่าเที่ยวตลอดทั้งปี แถมยังมีกิจกรรมกลางแจ้งและทางน้ำให้เลือกสนุกแบบเต็มพิกัด อยากเดินเล่นเพลินๆท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลเมดิเตอเรเนียนและอาคารสไตล์ยุโรปก็ทำได้ เพราะมีหาดทรายสีทองทอดยาวตัดกับทะเลสีฟ้าใส ถ้าอยากมีโอกาสกระทบไหล่ดาราดังระดับโลกหรือชมบรรยากาศเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ก็ให้มาช่วงเดือนพฤษภาคม นอกจากร้านยังมีร้านหรูๆให้เดินช็อปไม้แพ้ปารีสที่แถวๆถนน Boulevard de la Croisette และ Rue d’Antibes หรือแม้กระทั่งนั่งตามร้านอาหารที่สามารถนั่งมองริมทะเลงามๆพร้อมๆกับลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสด้วยวัตถุดิบจากสดๆจากทะเล เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่ครบครันไปทุกสิ่งจริงๆ

4. กอร์ด(Gordes)

กอร์ด(Gordes)เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตโปรวองซ์(Provence)ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในหมู่บ้านแลนด์มาร์คที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างบ้านจากหินภูเขา เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Luberon ที่ดาราดัง มหาเศรษฐีนิยมมาสร้างบ้านตากอากาศกัน มีโซนท่องเที่ยวอยู่กลางหมู่บ้าน ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักใช้เวลาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาประมาณครึ่งวัน นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เก่าแก่ที่ชื่อว่า Abbaye de Sénanque อยู่เลยจาก Gordes ไปเล็กน้อย ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวยอย่างกับในภาพวาดอยู่ด้วย

5. Bordeaux

บอกโดซ์(Bordeaux) เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องไร่องุ่นและไวน์รสชาติเยี่ยมยอด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส การรันตีความดีงามจากการได้รับโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในยุโรปของปี 2015 คนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบเมืองนี้แน่ๆเพราะไม่ว่าจะไปด้านไหนมุมใดก็ถ่ายรูปออกมาอย่างงาม ด้วยความที่เป็นเมืองที่ขนาบข้างด้วยแม่น้ำการอน ทำให้มีแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเป็นสะพานปิแอร์ (Pont de Pierre) แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ทึ่งคือบริเวณ The Stock exchange square ที่ช่วงกลางคืนจะเห็นถึงเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่งามแปลกตา ยิ่งได้นั่งคาเฟ่ริมน้ำพร้อมจิบไวน์ไปด้วยนี่ฟินย่าบอกใคร

6. ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)

 

อีกหนึ่งแลนมาร์กและอนุสรณ์สถานที่สำคัญของปารีส ได้รับการยอมรับให้เป็นประตูชัยที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รวมทั้งยังมีความละเอียดอ่อนในการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ศิลปะนีโอคลาสสิก โดยเฉพาะรูปแกะสลักลอยที่นับเป็นผลงานชั้นยอดจากศิลปินชั้นเยี่ยม ที่มีเล่าเหตุการณ์การปฏิวัติและจักรวรรดิฝรั่งเศสผ่านผลงานศิลปะรอบๆประตูรอบ 4 ทิศ

7. ชาโมนิกซ์(Chamonix)

ชาโมนิกซ์(Chamonix) ที่เทือกเขามงบล็อง(Mont Blanc) ด้วยความที่ตั้งอยู่ขอบชายแดนของและสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้อากาศดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวนี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดิน เพราะทัศนียภาพที่มีภูเขาหิมะอยู่ด้านหลังล้อมรอบเมืองเล็กๆประหนึ่งภาพเขียนอีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอากาศหนาวๆ ท่ามกลางหิมะฟูๆที่ปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งรวมทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่รักในกีฬาฤดูหนาว เนื่องจากมีสกีรีสอร์ทตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ให้ได้ลองเล่นสกีกันอย่างจุใจท่ามกลางวิวงามๆที่ได้มาครั้งหนึ่งต้องประทับใจไม่รู้ลืม

8. ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue)

ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue) เป็นเมืองเล็กๆในโปรวองซ์(Provence) ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นตาน้ำใส ที่จะเห็นคูน้ำใสกริ้ง ไหลไปตามถนน รวมทั้งชื่อเสียงขจรขจายไปทั่งโลกด้านของเก่า จากการที่ภายในเมืองเต็มไปด้วยร้านขายของเก่านานาชนิดมากกว่า 300 ร้าน เรียกได้ว่ามองหาสิ่งใดหายากแค่ไหนไม่มีพลาดสิ่งนั้นแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์และวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี จะมีการจัดตลาดนัดของเก่ามีเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 500 ร้าน ที่ไม่เพียงเป็นร้านจากภายในประเทศหรือเมืองเท่านั้น หากยังมีอีกมากมายที่มาจากทุกสารทิศทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ที่เดียว

9. บลัว(Blois)

บลัว(Blois) เมืองที่มีความสำคัญศาสนาคริสต์ของฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคกลางจนมาถึงปัจจุบัน มีชัยภูมิติดริมแม่น้ำ Loire ตั้งอยู่ในจังหวัด Loir-et-Cher แคว้น Centre อยู่ทางตอนกลางของฝรั่งเศส โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง พระราชวังบลัว (Château de Blois) ที่มีความงดงามอย่างคลาสสิคสไตล์เรอเนสซองส์ ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ บันไดเวียนหลักที่ปีกพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 อีกองค์ประกอบหนึ่งของพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ บริเวณเมืองอาจได้รับความเสียหายอยู่ไม่น้อยจากช่วงสงคราม แต่ก็มีการบูรณะปรับปรุงให้กลับมาความงดงามแม้ไม่เต็มร้อย หากก็ให้กลิ่นอายยุคโบราณไม่น้อยทีเดียว อีกเรื่องสำคัญคือบริเวณลุ่มแม่้น้ำลัวร์(Loir Valley)นี้ยังเป็นที่อยู่ของกลุ่มปราสาทมากมาย จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกด้วย

10. ลียง(Lyon)

ลียง(Lyon) อาจจะไม่ใช่เมืองที่เล็กนักเทียบกับเมืองอื่นๆ แต่ที่นี่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากปารีส ตั้งอยู่ทางตะวันออกตอนกลางฝรั่งเศส ในเขตแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ โอบล้อมด้วยสองแม่น้ำสายสำคัญทั้ง Rhone และ Saone ด้วยความที่เคยถูกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมันมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากโรมอย่างมาก โดยสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองแบบ 360 องศาที่สวยจนแทบลืมหายใจได้ที่ โบสถ์นอเทอร์ดาม (Basilique Notre Dame de Fourviere) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Fourvière นับเป็นจุดแลนด์มาร์กที่ต้องมาเยือของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้